วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

ศีลเป็นพื้นฐานของวิปัสสนา

     พระอานนท์พักอยู่ ณ กุกกุฏาราม ใกล้เมืองปาฏลีบุตร ครั้งนั้น พระภัททะพักอยู่ในที่ใกล้กัน เวลาเย็นวันหนึ่งพระภัททะได้เข้าไปหาพระอานนท์ เมื่อทักทายปราศรัยกันตามสมควรแล้ว พระภัททะได้ถามพระอานนท์ว่า
     “ท่านอานนท์ ! ศีลที่เป็นกุศลเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว ทรงมีพระประสงค์อย่างไร ?
     “ดีละ ๆ ท่านภัททะ ท่านนี่ช่างคิด ช่างเฉียบแหลม ช่างไตร่ถามเหมาะ ๆ
     ท่านภัทะ ! ศีลที่เป็นกุศลเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว ศีลที่เป็นกุศลเหล่านี้ พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วเพียงเพื่อเจริญสติปัฏฐาน 4 ก็สติปัฏฐาน 4 เป็นไฉน ?
     ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
     ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่...
     ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่
     ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
     ท่านภัททะ ! ศีลที่เป็นกุศลเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว ศีลที่เป็นกุศลเหล่านี้ พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วเพียงเพื่อเจริญสติปัฏฐาน 4 เหล่านี้”

ขยายความ ในฐิติสูตร ที่ต่อจากพระสูตรนี้ พระภัททะก็ได้ถามพระอานนท์ว่าอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน หรือไม่นานในเมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว ?
     พระอานนท์ก็ได้ตอบว่า เพราะมีผู้เจริญหรือไม่เจริญสติปัฏฐาน 4 เหมือนดังพระพุทธองค์ได้รับสั่งไว้ และพระอานนท์ได้จำถ่ายทอดมา
     นี่ก็หมายความว่า สติปัฏฐาน 4 นี่เอง เป็นแก่นของศาสนา ถ้าพุทธบริษัททั้ง 4 เหล่า ไม่ปฏิบัติวิปัสสนาหรือสติปัฏฐาน 4 แล้ว พระพุทธศาสนาก็จะไม่ตั้งอยู่ได้นาน เป็นเรื่องที่ชาวพุทธทุกฝ่าย ควรเอาใจใส่สนใจศึกษาและปฏิบัติ โดยทั่วถึงกัน มิใช่จะโยนกลองมาให้ภิกษุแต่เพียงฝ่ายเดียว
     แต่ในพระสูตรนี้ ได้ระบุรากฐานหรือความงอกงามของศีลเพียงเพื่อเจริญสติปัฏฐาน 4 เท่านั้น
     นั่นก็หมายความว่า ถ้าศีลที่ไม่เป็นกุศล คือศีลที่ขาดบ้าง ทะลุบ้าง ด่างบ้าง พร้อยบ้าง ก็จะเจริญสติปัฏฐาน 4 ไม่ได้ผล
     ในเมืองไทย มีสำนักปฏิบัติวิปัสสนาอยู่มากมาย และหลายแห่งก็เคร่งครัดในด้านวิปัสสนาดี แต่ก็ไปหย่อนในทางศีล เป็นที่น่าเสียดายมาก
     ในบางสำนักถึงกับกล่าวว่า ศีลไม่สำคัญอะไร ไม่ต้องรักษาก็ได้ เพราะขณะปฏิบัติวิปัสสนาอยู่นั้น ศีลมีครบบริบูรณ์ในตัวแล้ว เป็นเรื่องที่ตีความเอาเอง เพราะโดยความจริง ไม่มีใครปฏิบัติวิปัสสนาได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแม้ขณะที่ยังตื่นอยู่ เห็นอยู่ ก็ไม่อาจจะทำได้ทุกขณะจิต

     ขอกราบเท้าวิงวอน ท่านเจ้าสำนักทั้งหลาย จงลดอัตทิฐิมานะ ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ให้ถ่องแท้แล้วนำเอาไปประยุกต์ปฏิบัติเถิด นอกจากสำนักของท่านจะเจริญก้าวหน้าแล้ว พระศาสนาก็จะตั้งมั่นอยู่ได้นานอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อานาปานสติสูตร (ตอนจบ)

ข้อควรกำหนดในพระสูตรนี้      พระเถระผู้มีนามปรากฏในพระสูตรนี้ เป็นพระเถระยุคต้นพุทธกาล เป็นเอตทัคคสาวก ในจำนวน 43 ท่าน การที่นำเอาชื่อพร...