ชาวบ้านที่รู้เห็นว่าพระขุดดิน ต่างพากันตำหนิติเตียน
ว่าเหตุไฉนพระสมณะผู้รักสงบไม่เบียดเบียนใคร จึงขุดดินเองบ้าง ใช้ให้ผู้อื่นขุดบ้าง
เพราะการขุดดินทำให้เบียดเบียนอินทรีย์อย่างหนึ่งที่มีชีวิต
บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อยสันโดษ มีความละอาย
มีความรังเกียจ ผู้ใคร่ต่อการศึกษา ต่างพากันเพ่งโทษติเตียน
แล้วจึงนำความขึ้นกราบทูลพระพุทธองค์
พระพุทธเจ้าจึงรับสั่งประชุมสงฆ์ สอบสวนได้ความจริงแล้ว
จึงทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามมิให้ภิกษุขุดเองหรือใช้ให้ผู้อื่นขุดแผ่นดิน ทรงปรับอาบัติปาจิตตีย์แก่ผู้ฝ่าฝืน
ขยายความ ความเชื่อถือของชาวอินเดียในเมืองอาฬวี ที่เป็นต้นเหตุให้ทรงบัญญัติห้ามพระขุดดินนี้ เขาเชื่อว่า "ดินมีชีวิต" การขุดดินก็เท่ากับเป็นการฆ่าสัตว์โดยตรง ในที่นี้หมายถึงดินล้วน ๆ ที่ไม่มีใส้เดือนหรือสิ่งมีชีวิตที่มองเห็นด้วยตาเปล่า เมื่อมีชาวบ้านตั้งข้อรังเกียจ จึงทรงห้ามพระฝืนมติชาวบ้าน เพราะความเป็นอยู่พระต้องอาศัยชาวบ้าน
ในเมืองไทยเรา ชาวบ้านมิได้เชื่อถือเช่นนั้น
จึงมิได้รังเกียจพระขุดดินปลูกต้นไม้ หรือก่อสร้างกุฏีก็ตาม
ยกเว้นชาวพุทธบางคน ที่ถือวินัยเถนตรงโดยไม่รู้ความมุ่งหมายของท้องถิ่น จึงตั้งเป็นข้อรังเกียจพระที่ขุดดิน
(ผู้เขียนเห็นว่าพระไม่ขุดจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยอาจฆ่าใส้เดือนหรือตัวหนอน มด ปลวก ที่อาศัยอยู่ในดินได้ ทำให้ผิดศีลข้อ ปาณาฯ)