พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ. นิคมของชาวสุมภะ ชื่อ
เสทกะในสุมภชนบทได้ตรัสกะภิกษุทั้งหลาย ถึงเรื่องนางงามในชนบท
กับคนที่ผ่านเข้าไปในหมู่นางงามนั้น ด้วยทูลหม้อน้ำมันเต็มเปี่ยม
แล้วมีคนถือดาบเดินตามไปข้างหลัง ถ้าหม้อน้ำมันหก ให้ตัดคอทันทีว่า
“ภิกษุทั้งหลาย
! เปรียบเหมือนหมู่มหาชน ได้ทราบข่าวว่า
มีนางงามในชนบทนั้นน่าดูอย่างยิ่งในการฟ้อนรำ น่าฟังอย่างยิ่งในการขับร้อง
หมู่มหาชนได้ทราบข่าวว่า นางงามในชนบท จะฟ้อนรำขับร้อง
พึงประชุมกันยิ่งขึ้นกว่าประมาณ
ครั้งนั้น คนผู้อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากตาย ปรารถนาความสุข เกลียดทุกข์
ได้มากล่าวกะที่ประชุมนั้นว่า
ท่านผู้เจริญ
! ท่านจงนำหม้อใส่น้ำมันอันเต็มเปี่ยมนี้ เดินไปในระหว่างที่ประชุมใหญ่
ของนางงามในชนบทนั้น แต่มีคนเงื้อดาบอันคมเดินตามหลังคนที่ทูนหม้อน้ำมันนั้นไปด้วย
ถ้าคนนั้นทำน้ำมันหกเพียงหยดหนึ่งในที่ใด ศีรษะของเขาจะขาดตกลงในที่นั้นทันที
ภิกษุทั้งหลาย
! เธอจะสำคัญความข้อนั้นอย่างไร คนผู้นั้นจะไม่ใส่ใจในหม้อน้ำมันนั้น
แล้วพึงประมาทในภายนอก (หม้อน้ำมัน) เที่ยวหรือ ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า
“ไม่เป็นอย่างนั้นพระเจ้าข้า”
ภิกษุทั้งหลาย
! เราทำอุปมานี้ เพื่อให้เข้าใจเนื้อความชัดเจนขึ้น
เนื้อความในข้อนี้มีอย่างนี้แล คำว่า ภาชนะหม้อน้ำมันอันเต็มเปี่ยม เป็นชื่อของ “กายคตาสติ”
ภิกษุทั้งหลาย
! เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษา อย่างนี้ว่า กายคตาสติ
จะเป็นของอันเราเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดังยาน กระทำให้เป็นที่ตั้ง
กระทำไม่หยุด สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย !
เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล”
ขยายความ พระสูตรนี้
เป็นข้อเปรียบเทียบ สำหรับภิกษุที่เจริญกายคตาสติด้วยความไม่ประมาท
อยู่ทุกย่างก้าวและทุกขณะจิต
เหมือนคนหนุ่มเดินเข้าไปในหมู่หญิงงามแล้วทูนหม้อน้ำมันเต็มเปี่ยม
มีคนกำลังถือดาบคมเงื้อเดินตามไปข้างหลังด้วย ถ้าหม้อน้ำมันกระเซ็นหก แม้เพียงหยดเดียว
หัวของคนที่ทูนหม้อน้ำมันนั้นจะขาดลงทันที
ระหว่างความตายกับการแลมองนางสาวงาม อย่างไหนจะสำคัญกว่ากัน ?
กายคตาสติ คือความมีสติระลึกทั่วไปในกาย
ให้เห็นเป็นของไม่งาม สกปรก เน่า เหม็น น่าเบื่อระอา น่าสลัดทิ้งฯ
ในการปฏิบัติธรรมทุกประเภท
ถ้ามีความไม่ประมาทถึงขนาดที่ทรงอุปมาไว้นื้ การปฏิบัตินั้น ๆ จะต้องได้ผลอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น