พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน
เมืองราชคฤห์ ครั้งนั้น ชนทั้งหลายนั่งประชุมกันในราชสำนัก
ได้ยกเรื่องเงินและทอง ขึ้นสนทนากันว่า
พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรย่อมยินดีและรับทองและเงิน
ในที่ประชุมนั้น
มีนายบ้านชื่อมณีจูฬกะรวมอยู่ด้วย เขาได้กล่าวแก่ที่ประชุมนั้นว่า
“นาย !
พวกท่านอย่าได้พูดอย่างนั้น ทองและเงินไม่ควรแก่สมณะ พระสมณะไม่ยินดี
และไม่รับทองและเงิน พระสมณะมีแก้วและทองอันวางเสียแล้ว ปราศจากทองและเงิน”
เมื่อนายบ้านได้ชี้แจงความจริง
ให้ที่ประชุมนั้นเข้าใจแล้วได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลเรื่องที่เกิดขึ้น
และกราบทูลต่อไปว่า
“เมื่อข้าพระพุทธเจ้า กล่าวอยู่อย่างนี้
ชื่อว่ากล่าวคล้อยตามพระผู้มีพระภาค ไม่ชื่อว่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาคด้วยคำเท็จ
ชื่อว่าพยากรณ์ธรรมอันสมควรแก่ธรรม และสหธรรมิกบางรูปผู้กล่าวตามวาทะ
ย่อมไม่ถึงฐานะที่ควรติเตียนหรือ พระพุทธเจ้าข้า ?”
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า
“เอาละนายบ้าน !
เธอพยากรณ์อย่างนี้ ชื่อว่ากล่าวคล้อยตามเรา
ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำเท็จ
ดูก่อนนายบ้าน ! ทองและเงินไม่ควรแก่สมณะโดยแท้ สมณะไม่ยินดีทองและเงิน
สมณะไม่รับทองและเงิน สมณะมีแก้วและทองอันวางเสียแล้ว ปราศจากทองและเงิน ทองและเงินควรแก่ผู้ใด
แม้กามคุณทั้งห้าก็ควรแก่ผู้นั้น กามคุณทั้งห้าควรแก่ผู้ใด
เธอพึงจำผู้นั้นไว้โดยส่วนเดียวว่า มีปกติมิใช่สมณะ มีปกติมิใช่เชื้อสายพระศากยบุตร
เราจะกล่าวอย่างนี้ว่า
ผู้ต้องการหญ้าพึงแสวงหาหญ้า ผู้ต้องการไม้พึงแสวงหาไม้
ผู้ต้องการเกวียนพึงแสวงหาเกวียน ผู้ต้องการบรุษพึงแสวงหาบุรุษ แต่เราไม่กล่าวโดยปริยายไร
ๆ ว่า สมณะพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงิน”