วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

พระโมคคัลลานะเห็นเปรต

     พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร เมืองราชคฤห์ วันนั้นเวลาเช้า พระโมคคัลลานะพักอยู่บนเขาคิชฌกูฎ ได้ชวนพระลักขณะไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ขณะที่ทั้งสองท่านกำลังเดินลงจากภูเขาอยู่ พระโมคคัลลานะได้เห็นเปรตชื่อ อัฎฐิสังขลิก จึงได้ยิ้มขึ้นให้ปรากฎ
     พระลักขณะเห็นอาการเช่นนั้น จึงได้ถามท่านว่า
      "ท่านยิ้มทำไม ?"
     พระโมคคัลลานะตอบว่า
     "ผมยังไม่ควรที่จะตอบปัญหานี้ถ้าท่านสนใจ ขอให้ถามเรื่องนี้ต่อพระพักตร์พระพุทธองค์เถิด"
     เมื่อกลับจากบิณฑบาต และฉันเสร็จแล้ว จึงพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระลักขณะได้กราบทูลถวาย ถึงอาการยิ้มของพระโมคคัลลนะ ท่านพระโมคคัลลานะได้ตอบว่า
     "ขณะที่ผมลงจากภูเขาคิชฌกูฎอยู่นั้น ผมได้เห็นอัฎฐิสังขลิกเปตร ซึ่งมีแต่ร่างกระดูกลอยไปในอากาศ ฝูงแร้งเหยี่ยว และนกตระกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่จิกสับโดยแรง จิกทึ้งยื้อแย่งตามช่องซี่โครง สะบัดซึ่งเปตรนั้นอยู่ไปมา เปรตนั้นร้องครวญครางอยู่
     ท่านลักขณะ ! ผมนั้นได้คิดเช่นนี้ว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ น่าประหลาดจริงหนอ ที่สัตว์แม้เห็นปานนี้ ยักษ์แม้เห็นปานนี้ เปรตแม้เห็นปานนี้ การได้อัตภาพแม้เห็นปานนี้ก็มีอยู่..."
     ภิกษุทั้งหลายได้ยินเช่นนั้น ได้พากันตำหนิติเตียนว่า พระโมคคัลลานะพูดอวดคุณวิเศษ จนพระพุทธองค์ต้องรับสั่ง เป็นเชิงรับรองว่า
     "ภิกษุทั้งหลาย ! สาวกทั้งหลายย่อมเป็นผู้มีจักษุอยู่ ย่อมเป็นผู้มีญาณอยู่เพราะสาวกได้รู้ได้เห็น หรือได้ทำสัตว์เช่นนี้ให้เป็นพยานแล้ว
     ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อกาลก่อนเราได้เห็นสัตว์ (เปรต) นั้น แต่เราไม่ได้พยากรณ์ (กล่าว) ถ้าเราพยากรณ์สัตว์นั้น และคนอื่นไม่เชื่อเรา ข้อนั้นก็จะพึง เป็นไปเพื่อ (บาป) ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เขาเหล่านั้นสิ้นกาลนาน
     ภิกษุทั้งหลาย ! สัตว์ (เปรต) นั้นเคยเป็นคนฆ่าโค อยู่ในกรุงราชคฤห์นี้เองด้วยวิบากกรรมแห่งนั้น เขาหมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี แล้วได้ประสบอัตภาพเช่นนี้ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น แหละที่ยังเป็นส่วนเหลืออยู่
     ภิกษุทั้งหลาย ! โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะไม่ต้อง อาบัติ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อานาปานสติสูตร (ตอนจบ)

ข้อควรกำหนดในพระสูตรนี้      พระเถระผู้มีนามปรากฏในพระสูตรนี้ เป็นพระเถระยุคต้นพุทธกาล เป็นเอตทัคคสาวก ในจำนวน 43 ท่าน การที่นำเอาชื่อพร...